tag:blogger.com,1999:blog-85003774913244129962024-03-12T21:07:42.400-07:00kanika675kanika675http://www.blogger.com/profile/11599594646999378129noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-8500377491324412996.post-47756476545950689872011-08-20T00:41:00.000-07:002011-08-20T00:41:18.603-07:00เศรษฐศาสตร์<div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 10pt;"><b><span style="color: black; font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 18pt; line-height: 115%; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"><br />
<span style="color: #4c1130;"> <span lang="TH">เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาการแขนงหนึ่งของสังคมศาสตร์ ได้ก่อตัวและมีพัฒนาการต่อเนื่อง</span><br />
<span lang="TH">จนมีสถานภาพเป็น </span>“<span lang="TH">ศาสตร์</span>” <span lang="TH">นับตั้งแต่มีการตีพิมพ์ตำ ราทางเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของโลก ซึ่งมี</span><br />
<span lang="TH">ชื่อค่อนข้างยาวว่า </span>An Inquiry into the Nature and Causes of the Wealth of the Nation <span lang="TH">เมื่อ</span><br />
<span lang="TH">ค.ศ.</span>1776 <span lang="TH">ผู้เขียนเป็นชาวอังกฤษ ชื่อ อดัม สมิธ (</span>Adam Smith) <span lang="TH">ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นบิดาแห่ง</span><br />
<span lang="TH">วิชาเศรษฐศาสตร์ระดับสากล และนับจากนั้นเป็นต้นมา การศึกษาทางเศรษฐศาสตร์ ก็ได้ขยายตัว</span><br />
<span lang="TH">และครอบคลุมเนื้อหาอย่างกว้างขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ</span><br />
<span lang="TH">คำ นิยามอย่างสั้นที่สุดที่จะแนะนำ ให้รู้จักกับ เศรษฐศาสตร์ มีดังนี้</span><br />
<span lang="TH">เศรษฐศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกหนทางในการใช้ทรัพยากรการผลิต</span><br />
<span lang="TH">อันมีอยูจ่ ำ กัด สำ หรับการผลิตสินค้าและบริการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด</span><br />
<span lang="TH">จากคำ อธิบายข้างต้น มีคำ สำ คัญที่ควรอธิบายขยายความอยู่ </span>4 <span lang="TH">คำ คือ</span><br />
(1) <span lang="TH">การเลือก</span><br />
(2) <span lang="TH">ทรัพยากรการผลิต</span><br />
(3) <span lang="TH">การมีอยู่จำ กัด</span><br />
(4) <span lang="TH">สินค้าและบริการ</span><br />
<span lang="TH">เหตุที่ต้องมี</span> “<span lang="TH">การเลือก</span>” (choice) <span lang="TH">เพราะทรัพยากรต่าง ๆ สามารถนำ ไปใช้ประโยชน์ได้</span><br />
<span lang="TH">หลายทาง ขณะเดียวกัน ความไม่สมดุลระหว่างความต้องการที่ไม่มีขีดจำ กัดของมนุษย์กับ</span><br />
<span lang="TH">ทรัพยากรการผลิตที่มีอยู่จำ กัด ทำ ให้ความต้องการบางส่วนไม่สามารถจะบรรลุผลได้ เราจึงต้อง</span><br />
<span lang="TH">เลือกหนทางในการใช้ทรัพยากรอันมีจำ กัดไปในทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือให้ความพอ</span><br />
<span lang="TH">ใจมากที่สุด การเลือกดังกล่าวนี้เป็นพฤติกรรมเชิงเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานที่ต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อ</span><br />
<span lang="TH">เชื่อวัน นับตั้งแต่ระดับบุคคล กลุ่มบุคคล ไปจนถึงระดับประเทศชาติ ในระดับบุคคลหรือกลุ่ม</span><br />
<span lang="TH">บุคคล รายได้ที่มีจำ กัดทำ ให้ไม่สามารถใช้จ่ายได้ตามใจชอบ เมื่อมีสินค้าที่อยากได้พร้อมกันหลาย</span><br />
<span lang="TH">อย่าง บุคคลจึงต้องตัดสินใจเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จะให้ประโยชน์สูงสุด ในระดับประเทศชาติ จำ</span><br />
<span lang="TH">เป็นต้องตัดสินใจเลือกใช้ทรัพยากรที่มีจำ กัดไปในทางที่จะทำ ให้ประชาชนโดยส่วนรวมได้รับ</span><br />
<span lang="TH">ประโยชน์สูงสุดเช่นกัน</span><br />
<span lang="TH">ดังนั้น</span> “<span lang="TH">การเลือก</span>” <span lang="TH">จึงเป็น </span>“<span lang="TH">เงา</span>” <span lang="TH">ของเศรษฐศาสตร์ สิ่งใดที่มีประเด็นเกี่ยวกับการเลือกใช้</span><br />
<span lang="TH">ซึ่งทรัพยากรการผลิต สิ่งนั้นย่อมเกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์ โดยนัยตรงข้าม หากมีประกาสิต</span><br />
<span lang="TH">กำหนดการใช้ทรัพยากรไว้ตายตัว เศรษฐศาสตร์ก็จะไม่มีบทบาทในเรื่องนั้น</span><br />
<span lang="TH">คำว่า </span>“<span lang="TH">ทรัพยากรการผลิต</span>” (productive resources) <span lang="TH">หมายถึง ทรัพยากรที่นำ มาผลิต</span><br />
<span lang="TH">สินค้าและบริการ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปัจจัยการผลิต (</span>factors of production) <span lang="TH">แบ่งเป็น </span>4 <span lang="TH">ประเภท</span><br />
<span lang="TH">คือ ที่ดิน (</span>land) <span lang="TH">แรงงาน (</span>labor) <span lang="TH">ทุน (</span>capital) <span lang="TH">และผู้ประกอบการ</span> (entrepreneur)<br />
<span lang="TH">ก. ที่ดิน ได้แก่ที่ดินรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ เช่น ป่าไม้ แร่ธาตุ สัตว์นํ้า ความ</span><br />
<span lang="TH">อุดมสมบูรณ์ของที่ดิน ปริมาณนํ้าฝนและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีอยู่</span><br />
<span lang="TH">ตามธรรมชาติ มนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้ แต่สามารถปรับปรุงคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติได้บ้าง</span><br />
<span lang="TH">เช่น ปรับปรุงที่ดินให้อุดมสมบูรณ์ขึ้น เป็นต้น ผลตอบแทนจากการใช้ที่ดินเรียกว่า ค่าเช่า</span> (rent)<br />
<span lang="TH">ข. แรงงาน เป็นทรัพยากรมนุษย์ (</span>human resource) <span lang="TH">ได้แก่ สติปัญญา ความรู้ ความ</span><br />
<span lang="TH">คิด แรงกายและแรงใจที่มนุษย์ทุ่มเทให้แก่การผลิตสินค้าและบริการ โดยทั่วไปมีการแบ่งแรงงาน</span><br />
<span lang="TH">เป็น </span>3 <span lang="TH">ประเภท คือ แรงงานฝีมือ เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ วิศวกร และแพทย์ เป็นต้น แรง</span><br />
<span lang="TH">งานกึ่งฝีมือ เช่น ช่างไม้ ช่างเทคนิค พนักงานเสมียน คนคุมเครื่องจักรในโรงงาน เป็นต้น และแรง</span><br />
<span lang="TH">งานไร้ฝีมือ เช่น กรรมกรแบกหาม นักการภารโรง คนยาม เป็นต้น ผลตอบแทนของแรงงานเรียก</span><br />
<span lang="TH">ว่า ค่าจ้างและเงินเดือน (</span>wage and salary) <span lang="TH">อนึ่ง แรงงานสัตว์ไม่ถือเป็นปัจจัยผลิตประเภทแรง</span><br />
<span lang="TH">งาน แต่อนุโลมถือเป็นทุน</span><br />
<span lang="TH">ค. ทุน คือเครื่องจักรเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ร่วมกับปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ในการ</span><br />
<span lang="TH">ผลิตสินค้าและบริการ ทุนหรือสินค้าทุน หรือสินทรัพย์ประเภททุน (</span>capital goods) <span lang="TH">แบ่งเป็น </span>2<br />
<span lang="TH">ประเภท คือ สิ่งก่อสร้าง (</span>construction) <span lang="TH">และเครื่องจักรอุปกรณ์การผลิต (</span>equipment)<br />
<span lang="TH">การลงทุน (</span>investment) <span lang="TH">หมายถึงการใช้จ่ายในการจัดหาเพิ่มพูนสินค้าทุน โดยมีวัตถุ</span><br />
<span lang="TH">ประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต</span><br />
<span lang="TH">ส่วนเงินทุน</span> (money capital) <span lang="TH">นั้น นักเศรษฐศาสตร์ถือว่าเป็นเพียงสื่อกลางที่นำ มาซึ่งสิน</span><br />
<span lang="TH">ทรัพย์ประเภททุน สินทรัพย์ประเภททุนย่อมสะท้อนความเป็นจริงทางเศรษฐกิจยิ่งกว่าจำ นวนเงิน</span><br />
<span lang="TH">ทุน เงินทุนจำ นวนเดียวกันใช้จัดหาสินค้าทุนได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนั้น สินค้า</span><br />
<span lang="TH">ทุนจึงมีความสำ คัญในเชิงเศรษฐกิจมากกว่าเงินทุน อนึ่ง เนื่องจากการวัดผลตอบแทนจากปัจจัย</span><br />
<span lang="TH">ทุนโดยตรงมีความยุ่งยาก เราจึงอนุโลมให้ใช้ผลตอบแทนของเงินทุน อันได้แก่อัตราดอกเบี้ย</span><br />
(interest) <span lang="TH">เป็นผลตอบแทนของปัจจัยทุนด้วย</span><br />
<span lang="TH">ง. ผู้ประกอบการ</span> (entrepreneur) <span lang="TH">คือ ผูท้ ำ หน้าที่รวบรวมปัจจัยการผลิต </span>3 <span lang="TH">ประเภทที่</span><br />
<span lang="TH">กล่าวมาข้างต้น เพื่อทำ การผลิตสินค้าและบริการ ค่าตอบแทนของผู้ประกอบการเรียกว่ากำไร</span><br />
(profit) <span lang="TH">ในบรรดาปัจจัยการผลิตทั้ง </span>4 <span lang="TH">ประเภท ผู้ประกอบการนับเป็นปัจจัยการผลิตที่มีความ</span><br />
<span lang="TH">สำ คัญมากที่สุด แม้ว่าจะมีปัจจัยการผลิต </span>3 <span lang="TH">ประเภทแรกมากมายก็ตาม การผลิตจะไม่อาจเกิด</span><br />
<span lang="TH">ขึ้นหากขาดผู้ประกอบการ</span><br />
<span lang="TH">ในทางเศรษฐศาสตร์ต้นทุนการผลิต คือ ผลรวมค่าตอบแทนปัจจัยการผลิตทั้งหมด</span><br />
<span lang="TH">คำว่า </span>“<span lang="TH">การมีอยู่จำ กัด</span>” (scarcity) <span lang="TH">ให้คำ จำ กัดความได้ </span>2 <span lang="TH">แบบ (</span>1) <span lang="TH">คำ จำ กัดความเชิง</span><br />
<span lang="TH">สัมบูรณ์ (</span>absolute definition) <span lang="TH">คือพิจารณาจากทรัพยากรการผลิตทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่งอาจมองได้</span><br />
<span lang="TH">หลายระดับ หากมองในระดับโลก ทรัพยากรการผลิตทุกอย่างในโลกล้วนมีอยู่อย่างจำ กัด ไม่ว่า</span><br />
<span lang="TH">จะเป็นกำ ลังแรงงาน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และเครื่องจักรต่าง ๆ ทรัพยากรเหล่านี้ทั่วทั้งโลกมี</span><br />
<span lang="TH">นั้น เพิ่มอีกไม่ได้ หากประเทศใดมีเพิ่มขึ้น โดยมากก็เป็นเพียงการเคลื่อนย้ายมา</span><br />
<span lang="TH">จากประเทศอื่น ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามประเทศ หรือการเคลื่อนย้ายปัจจัยการ</span><br />
<span lang="TH">ผลิตอื่น ๆ ไปทำ การผลิตร่วมกับที่ดินของประเทศอื่น โดยการเช่าหรือซื้อที่ดินในต่างประเทศทำ</span><br />
<span lang="TH">การผลิต หากมองในระดับประเทศ การมีอยู่จำ กัดปรากฏขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งครอบครอง</span><br />
<span lang="TH">ทรัพยากรการผลิตมากขึ้น ก็จะมีทรัพยากรการผลิตเหลือน้อยลงสำ หรับคนอื่น ๆ ในสังคม (</span>2) <span lang="TH">คำ</span><br />
<span lang="TH">จำ กัดความเชิงสัมพัทธ์ (</span>relative definition) <span lang="TH">เป็นการพิจารณาอุปทานของทรัพยากรการผลิตเมื่อ</span><br />
<span lang="TH">เทียบกับอุปสงค์หรือความต้องการทางวัตถุอันไม่จำ กัด ฉะนั้น ไม่ว่าจะมีทรัพยากรการผลิต</span><br />
<span lang="TH">มากเท่าใดก็ตาม เมื่อนำ ทรัพยากรเหล่านี้ไปใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ ก็ยังไม่สามารถสนอง</span><br />
<span lang="TH">ความต้องการอันไม่จำ กัดของมนุษย์ได้</span><br />
<span lang="TH">ความจำกัดนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกระดับสังคมและเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และ</span><br />
<span lang="TH">ในอนาคตการมีอยู่จำ กัดคงจะปรากฎชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อทรัพยากรส่วนหนึ่งถูกใช้หมดไป ส่วนที่</span><br />
<span lang="TH">เหลือมีน้อยลง อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น หากมีการค้นพบวิทยาการใหม่ ๆ ใน</span><br />
<span lang="TH">ผลิตที่สามารถประหยัดทรัพยากรหรือสร้างทรัพยากรใหม่ทดแทนทรัพยากรเดิมที่หมดไป</span><br />
<span lang="TH">ได้กล่าวพาดพิงในข้อความข้างต้นว่า </span>“<span lang="TH">ความต้องการทางวัตถุอันไม่จำ กัด</span>” (unlimited<br />
wants in materials) <span lang="TH">ในทางศาสนาพุทธมีคำ เรียกมนุษย์ว่า </span>“<span lang="TH">ปุถุชน</span>” <span lang="TH">ซึ่งหมายถึงคนที่มีความโลภ</span><br />
<span lang="TH">โกรธ หลง คำ ว่า </span>“<span lang="TH">โลภ</span>” <span lang="TH">นี้อาจอนุโลมให้มีความหมายใกล้เคียงกับคำ ว่า </span>“<span lang="TH">มีความต้องการไม่จำกัด</span>”<br />
<span lang="TH">กล่าวคือ เมื่อได้มาอย่างหนึ่งก็อยากได้อย่างอื่น เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด หากไปถาม</span><br />
<span lang="TH">คนยากจนว่าในชีวิตปรารถนาอะไร คำ ตอบมักจะเป็นว่าขอให้มีอาหารรับประทานครบ </span>3 <span lang="TH">มื้อ หรือ</span><br />
<span lang="TH">มีปัจจัย </span>4 <span lang="TH">ครบถ้วน หากถามคำ ถามเดียวกันกับผู้มีรายได้ปานกลาง คำ ตอบมักเป็นว่านอกจากมี</span><br />
<span lang="TH">ปัจจัย </span>4 <span lang="TH">ครบถ้วนแล้วยังต้องมีคุณภาพที่ดี เช่น อาหารต้องอร่อยถูกปาก เสื้อผ้าต้องตามสมัย</span><br />
<span lang="TH">นิยม ในบ้านขอมีเครื่องปรับอากาศ มีตู้เย็น โทรทัศน์สี เป็นต้น และหากถามมหาเศรษฐีว่า</span><br />
<span lang="TH">ปรารถนาอะไรในชีวิต คำ ตอบก็คงจะเป็นว่าอยากอยู่ในตำ แหน่งคนรวยที่สุด หรืออยากมีชื่อเสียง</span><br />
<span lang="TH">เกียรติยศโด่งดังนอกเหนือจากวัตถุสมบัติที่มีมากมายอยู่แล้ว กล่าวโดยสรุป สำ หรับมนุษย์ปุถุชน</span><br />
<span lang="TH">มักจะไม่มีคำ ตอบว่าพอแล้ว หยุดแล้ว ไม่ปรารถนาอะไรทั้งสิ้นแล้ว</span><br />
<span lang="TH">คำว่า </span>“<span lang="TH">สินค้าและบริการ</span>” (goods and services) <span lang="TH">คือสิ่งที่ได้จากการทำ งานร่วมกันของ</span><br />
<span lang="TH">ปัจจัยการผลิตต่าง ๆ เป็นสิ่งที่มีอรรถประโยชน์ (</span>utility) <span lang="TH">มากกว่าศูนย์ แบ่งเป็น </span>2 <span lang="TH">ประเภท (</span>1) <span lang="TH">สิน</span><br />
<span lang="TH">ค้าและบริการขั้นกลาง (</span>intermediate goods and services) <span lang="TH">เป็นสินค้าที่มีการซื้อขายเพื่อนำ ไป</span><br />
<span lang="TH">ใช้เป็นปัจจัยการผลิต เช่น อาหารสัตว์ วัสดุก่อสร้าง รถบรรทุกสิบล้อ เป็นต้น และ (</span>2) <span lang="TH">สินค้า</span><br />
<span lang="TH">และบริการขั้นสุดท้าย</span> (final goods and services) <span lang="TH">เป็นสินค้าที่มีการซื้อขายเพื่อนำ ไปใช้อุปโภค</span><br />
<span lang="TH">และบริโภค ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เหล็ก โรงงานถลุงเหล็กนำ สินแร่เหล็กมาถลุงและทำ เป็นแท่ง</span><br />
<span lang="TH">เหล็ก จากนั้นรีดเป็นแผ่นเหล็ก ใช้แผ่นเหล็กขึ้นรูปเป็นตัวถังรถ โรงงานประกอบรถยนต์ใส่ชิ้น</span><br />
<span lang="TH">ส่วนต่าง ๆ เข้ากับตัวถังรถ สำ เร็จออกมาเป็นรถยนต์ จะเห็นว่าแท่งเหล็ก แผ่นเหล็ก โครงตัวถังรถ</span><br />
<span lang="TH">เป็นสินค้าขั้นกลาง ส่วนรถยนต์อาจถือเป็นสินค้าขั้นกลางถ้าหน่วยผลิตซื้อไปใช้งาน และถือเป็น</span><br />
<span lang="TH">สินค้าขั้นสุดท้ายถ้าครัวเรือนซื้อไปใช้ จะเห็นได้ว่าสินค้าหรือบริการอย่างเดียวกันอาจเป็นได้ทั้งสิน</span><br />
<span lang="TH">ค้าขั้นกลางและสินค้าขั้นสุดท้าย ทั้งนี้พิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการนำ ไปใช้ประโยชน์เป็น</span><br />
<span lang="TH">สำ คัญ</span><br />
<span lang="TH">ในการศึกษาเศรษฐศาสตร์ ได้แบ่งสินค้าออกเป็น </span>2 <span lang="TH">ประเภท ได้แก่ เศรษฐทรัพย์</span><br />
(economic goods) <span lang="TH">และสินค้าไร้ราคา (</span>free goods) <span lang="TH">เศรษฐศาสตร์ศึกษาเฉพาะสินค้าที่เป็น</span><br />
<span lang="TH">เศรษฐทรัพย์เท่านั้น</span><br />
<span lang="TH">ก. เศรษฐทรัพย์ คือสินค้าที่มีต้นทุน ดังนั้นจึงมีราคามากกว่าศูนย์ โดยปกติ</span><br />
<span lang="TH">ผู้บริโภคจะเป็นผู้จ่ายค่าสินค้าโดยตรง แต่ในบางกรณี ผู้บริโภคกับผู้จ่ายค่าสินค้าอาจจะเป็น</span><br />
<span lang="TH">คนละคน ซึ่งได้แก่ เศรษฐทรัพย์ที่ได้จาการบริจาค หรือจากการให้โดยเสน่หา หรือจากบริการสวัส</span><br />
<span lang="TH">ดิการของรัฐ ซึ่งเป็นเศรษฐทรัพย์ที่ได้เปล่า จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า </span>“<span lang="TH">สินค้าให้เปล่า</span>” (<span lang="TH">ซึ่งไม่ใช่สินค้าไร้</span><br />
<span lang="TH">ราคา)</span><br />
<span lang="TH">ข. สินค้าไร้ราคา หมายถึงสินค้าและบริการที่ไม่มีต้นทุน จึงไม่มีราคาที่ต้องจ่าย ตัวอย่าง</span><br />
<span lang="TH">ของสินค้าไร้ราคา ได้แก่ สายลม แสงแดด นํ้าฝน อากาศในบรรยากาศ นํ้าทะเล และนํ้าในแม่นํ้า</span><br />
<span lang="TH">ลำ คลอง</span></span></span></b><b><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 18pt; line-height: 115%; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"></span></b></div>kanika675http://www.blogger.com/profile/11599594646999378129noreply@blogger.com0